วันพฤหัสบดีที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

งานวิ่งขอนแก่นมาราธอน ครั้งที่ 9

               หากให้ท่านนึกถึงงานวิ่งที่นักวิ่งทุกคนกล่าวขวัญถึงเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศไทย คงต้องนึกถึงงานขอนแก่นมาราธอน ซึ่งปีนี้(2555) จัดมาเป็นปีที่ 9 แล้ว  สำหรับนักวิ่งหน้าใหม่อย่างผม ก็เคยได้ยินคำกล่าวขวัญจากเพื่อนๆ พี่ๆ นักวิ่งมามากพอสมควร ว่าเป็นงานนานาชาติที่จัดได้ดีมาก บรรยากาศดี มีการปิดถนนให้วิ่งอย่างเต็มที่ ฯลฯ ผมจึงหาโอกาสได้ไปทดสอบสนามนี้เป็นครั้งแรก เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
              เมื่อเดินทางถึงขอนแก่นก็เดินทางตรงไปที่บริเวณรับสมัคร(หอประชุมกาญจนาภิเษก ม.ขอนแก่น) การลงทะเบียนเป็นไปอย่างรวดเร็ว เพราะมีเจ้าหน้าที่ช่วยอำนวยความสะดวกอยู่มากมาย และผมได้สมัครผ่านเว็บไว้แล้ว เพียงแค่มาลงทะเบียนและรับชิพเท่านั้น เมื่อลงชื่อเสร็จเรียบร้อยเจ้าหน้าที่ก็มอบเสื้อพร้อมเบอร์มาให้พร้อมกระเป๋าแบบหูรูดมาให้ และบอกให้ไปโต๊ะถัดไป คือทดสอบชิพ  พอเดินไปถึงเจ้าหน้าที่บอกให้เอาชิพแปะตรงบริเวณอุปกรณ์อ่านชิพที่เค้าจัดไว้ให้ ซึ่งปกติเราจะได้ชิพเป็นสีดำๆ พร้อมสายรัดเส้นเล็กๆ สำหรับผูกติดกับเชือกผูกรองเท้า เลยล้วงไปดูในกระเป๋าที่เค้าให้มาเมื่อกี้นี้ เพราะอาจอยู่ในนั้น ปรากฏว่าไม่มีชิพหายไปไหนไม่รู้ มาถึงบางอ้อตอนที่เจ้าหน้าที่บอกว่างานนี้เป็นชิพแบบใหม่ติดอยู่ที่หลังหมายเลขที่เค้าให้มา เลยหยิบเบอร์มาดู อ๋อ..ชิพอยู่นี่เอง.. พอเจอชิพแล้วจึงนำไปแปะไว้ตรงอุปกรณ์อ่านชิพแล้วพร้อมดูข้อมูลของเราที่แสดงบนหน้าจอ เราก็ตรวจสอบข้อมูลอีกครั้งว่าชื่อ-นามสกุล หมายเลขถูกต้อง พร้อมวิ่งได้ในวันพรุ่งนี้แล้ว
แต่ก่อนกลับไปที่พักมองไปเห็นซุ้มของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดให้เที่ยวฟรี ครึ่งวันบ่ายสำหรับนักวิ่งทั้งสองวันเลย คือเปิดประตูสู่เมืองขอนแก่น  สถานที่ท่องเที่ยวที่ได้ไปคือ

  •   พระมหาธาตุแก่นนคร ติดกับบึงแก่นนคร ภายในองค์พระธาตุมีอยู่ 9 ชั้น เมื่อขึ้นไปแต่ละชั้นจะมีการจัดแสดงที่แตกต่างกัน เช่น การรวบรวมอัตถบริขารของท่านอดีตเจ้าอาวาส, ภาพเขียนฝาผนัง, การแกะสลักบานประตูหน้าต่างเป็นเรื่องราวต่างๆ , หนังสือพระธรรมปิฎก, พระพุทธรูป, รูปปั้นเหมือนเกจิอาจารย์ และชั้นที่ 9 เป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า  แต่ละชั้นสามารถเดินออกไปริมระเบียงมองลงมาเห็นตัวเมืองขอนแก่นได้รอบ สวยงามมากครับ
  •  ต่อมาก็ไปนมัสการพระธาตุขามแก่น เป็นปูชนียสถานสำคัญ ที่ได้รับความเคารพศรัทธาอย่างสูงในดินแดนภาคอีสาน  และเป็นศูนย์รวมศรัทธาทางพุทธศาสนาที่สำคัญที่สุดของจังหวัดนับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
  •  ถัดมาก็ไปชมการแสดงศิลปะการชกมวยระหว่างคนกับงู ที่หมู่บ้านงูจงอาง หรือหมู่บ้านโคกสง่า ชมการแสดงที่น่าตื่นเต้นระหว่างคนกับงูจงอางตัวยาวพร้อมฉกและพ่นพิษได้ทุกเมื่อ คู่ถัดมาเป็นงูเห่าแผ่แม่เบี้ยพร้อมเสียงขู่ดังฝ่อๆ เห็นแล้วชวนขนหัวลุก และสุดท้ายเป็นการแสดงของเด็กรุ่นใหม่ที่เตรียมสืบทอดการแสดงอีก 2 คู่ ดูจากลีลาแล้วก็ไม่เป็นรองคนโตเลย การนำเที่ยวทั้งหมดนี้มีไกด์สาวคือคุณวีน่า ที่เป็นกันเองและสร้างความสนุกสนานกับคณะทัวร์ตั้งแต่ออกเดินทางจนกลับม.ขอนแก่น ต้องขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วยครับ

                เช้าวันแข่งขัน ตื่นมาตอนตี 4 เพื่อล้างหน้าแปรงฟัน ออกจากที่พักก็จ๊อกเบาๆ ออกมาระยะทางประมาณ 1.75 กม.พอได้เหงื่อ พอมาถึงบริเวณงานมีนักวิ่งมากมายมาจากทั่วสารทิศ จำนวนคู่แข่งฮาล์ฟมาราธอนประมาณ 800 คน เป้าหมายในการวิ่งครั้งนี้ หวังไว้ว่าวิ่งให้ได้สักประมาณที่ 400 โดยใช้เวลาต่ำกว่า 2 ชม. เพราะเคยวิ่งระยะนี้ด้วยเวลา 2 ชม. 7 นาที ยุทธศาสตร์ที่โค้ชให้มามีอยู่ว่า ให้ทำเวลากลับตัวก่อน 1 ชม. เมื่อถึงกม.ที่ 15 เร่งความเร็วให้เต็มที่จนเข้าเส้นชัย
                เมื่อเวลา ตี 5 แวะเข้าห้องน้ำเสร็จก็นำกระเป๋าไปฝากที่เต้นท์รับฝากของ แล้วก็เดินออกมายืดเหยียดสักพักนึง ก็ได้เวลาการเช็คอินพร้อมปล่อยตัว  ประมาณตี 5.20 เสียงสัญญาณปล่อยตัวดังขึ้น นักวิ่งแต่ละคนก็ออกตัวผ่านจุดสตาร์ทโดยมีเสียงปรบมือให้กำลังใจสองข้างทาง เส้นทางวิ่งถนนมิตรภาพหน้าม.ขอนแก่น การจราจรปิดครึ่งฝั่ง จาก 8 เลนเพื่อให้นักวิ่ง 4 เลนวิ่งได้อย่างสบายไม่ต้องกังวลเรื่องรถ ทั้งนี้ได้รับความอำนวยความสะดวกจากเจ้าหน้าที่ตำรวจคอยกั้นรถตลอดทางที่มีซอยเล็กตัดกับถนนด้วย  ตลอดเส้นทางมีจุดให้น้ำทุกระยะ 2 กม.และมีจุดให้เกลือแร่ 2 จุดด้วยกัน บริเวณที่กม. 10 มีพยาบาลคอยให้บริการปฐมพยาบาลคนที่มีอาการเจ็บหรือปวดระหว่างการแข่ง และมีสเปรย์ฉีดคลายกล้ามเนื้อให้ด้วย จึงเริ่มมีความรู้สึกปวดต้นขาขึ้นมาทันทีเลยแวะไปให้เค้าลองฉีดพ่นยาซะหน่อย เพราะเคยเห็นพวกนักบอลที่เป็นตะคริวลงไปนอนดิ้นๆในสนาม พอแพทย์สนามมาฉีดสเปรย์ปุ๊บอีกแป๊บนึงนักบอลผู้นั้นก็ลงมาวิ่งได้อย่างหน้าตาเฉย ผลจากการฉีดพ่นสเปรย์ตอนแรกยังไม่รู้สึกอะไรยังปวดเมื่อยเหมือนเดิม แต่เมื่อเวลาผ่านไปสักพักนึงตัวยาเริ่มซึมเข้าสู่ผิวหนัง จะมีความรู้สึกเย็นขึ้นมานิดๆ แค่นั้นเอง เหมือนเปลืองยาเค้าเปล่าๆ ไม่รู้ว่าเค้าฉีดให้น้อยไป หรือว่าผมหนังหนากันแน่
                      ความแตกต่างอีกจุดหนึ่งที่เป็นเสน่ห์ของงานนี้ก็คือ จะมีกองเชียร์จากอบต.แถวๆ จุดกลับตัว  มีกลุ่มพนักงานของบริษัทแห่งหนึ่งที่อยู่ระหว่างทาง รวมทั้งพวกน้องๆ นิสิตจากคณะต่างๆ ของม.ขอนแก่น คอยให้กำลังใจ มีเครื่องขยายเสียง คอยส่งเสียงเชียร์  ปรบมือให้กำลังใจ ทำให้รู้สึกมีแรงวิ่งขึ้นมาอีกหน่อยนึง
                     เวลาวิ่งถึงประมาณกม.ที่ 15 จะถึงบริเวณหน้าประตูม.ขอนแก่น จุดนี้จะเป็นจุดที่มาบรรจบกับกลุ่มเดิน-วิ่ง ถ้าหากเป็นงานปกติ พวกเด็กนักเรียนมักจะเดินกันเป็นกลุ่มขวางการวิ่งของนักวิ่งที่ทำเวลา แต่ในงานนี้เค้าจะแบ่งเลนไม่ให้เข้ามาปนกันเลย (แต่ก็มีเด็กแอบหลงเข้ามาบ้างแหล่ะ แต่เป็นส่วนน้อย) รวมถึงบรรยากาศการวิ่งภายในมหาวิทยาลัยนี่ดีสุดๆ สองข้างทางมีต้นไม้ใหญ่ ถนนลาดยาง บวกกับอากาศสดชื่นยามเช้าทำให้สามารถเร่งความเร็วในช่วงท้ายขึ้นมาได้อีกหน่อยนึง แถมมีจุดให้ผลไม้อีกหนึ่งจุด มีทั้งแตงโม, กล้วย และมันแกวให้เลือก ไม่น่าเชื่อว่ากล้วยสามารถเพิ่มพลังงานยามเหนื่อยได้จริงๆ และตอนท้ายก็มีหน่วยพยาบาลมาช่วยสเปรย์ขาให้อีก ตอนท้ายเลยวิ่งโลดเข้าเส้นชัยด้วยเวลา 2 ชม.กับ 4 วินาที ได้เวลาตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ ด้วยความเร็วเฉลี่ยประมาณ 5.41 นาที/กม. ต้องขอขอบคุณโค้ชสถาวร จันทร์ผ่องศรี ที่ช่วยแนะนำโปรแกรมการฝึก และวางกลยุทธ์การแข่งขันให้ ขอบคุณเพื่อนๆพี่ๆ ในสถาวรรันนิ่งคลับที่คอยเป็นกำลังใจให้การวิ่งประสบผลสำเร็จในเบื้องต้นนี้